นอนไม่หลับเรื้อรัง แก้ได้ยั่งยืนโดย CBT-i

29 จำนวนผู้เข้าชม  | 

นอนไม่หลับเรื้อรัง แก้ได้ยั่งยืนโดย CBT-i

ศาสตราจารย์นายแพทย์ วิชญ์  บรรณหิรัญ
American Board of Sleep Medicine
Certified International Sleep Specialist  


  อาการนอนไม่หลับ (insomnia) ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่หลายคนคิด บางคนใช้เวลานานกว่าจะหลับ บางคนตื่นกลางดึกบ่อย หรือตื่นเช้าเกินไปแล้วนอนไม่หลับต่อ ปัญหาเหล่านี้หากเกิดขึ้นต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อสมาธิ อารมณ์ การทำงาน สุขภาพกาย และคุณภาพชีวิตโดยรวม หลายคนจึงเลือกพึ่งยานอนหลับ แต่ในความเป็นจริง ยาอาจช่วยได้เพียงระยะสั้น และมีข้อจำกัดหากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

  ปัจจุบันมีแนวทางการรักษานอนไม่หลับที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าได้ผลดีและปลอดภัยในระยะยาว เรียกว่า CBT-i (Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia) หรือการบำบัดความคิดและพฤติกรรมเพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ

CBT-i คืออะไร และช่วยให้นอนดีขึ้นได้อย่างไร

  CBT-i เป็นการรักษาที่ไม่ใช้ยา โดยมุ่งแก้ปัญหาที่ “ต้นเหตุ” ของการนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพียงทำให้หลับชั่วคราว หลักการสำคัญคือ ช่วยปรับทั้ง ความคิด พฤติกรรม และรูปแบบการใช้ชีวิต ที่รบกวนการนอน เช่น ความกังวลก่อนนอน ความกลัวว่าจะนอนไม่หลับอีก หรือพฤติกรรมที่ทำให้สมองตื่นตัวโดยไม่รู้ตัว

  หลายคนที่นอนไม่หลับมักเผลอใช้เวลาอยู่บนเตียงนานเกินไป กลิ้งไปมา คิดเรื่องต่าง ๆ หรือเล่นโทรศัพท์จนสมองจดจำว่า “เตียง = ความเครียด” แทนที่จะเป็นที่พักผ่อน CBT-i จะค่อย ๆ ปรับความสัมพันธ์นี้ใหม่ ทำให้สมองกลับมาเชื่อมโยงเตียงกับการนอนหลับอย่างเป็นธรรมชาติอีกครั้ง

การรักษาด้วย CBT-i ทำอะไรบ้าง

  โปรแกรม CBT-i มักใช้เวลาประมาณ 6–8 สัปดาห์ โดยมีนักบำบัดด้านการนอนหลับดูแลอย่างใกล้ชิด เทคนิคสำคัญที่ใช้ประกอบกัน ได้แก่

  1. การจำกัดเวลานอนอย่างเหมาะสม เพื่อลดการนอนแช่บนเตียงและเพิ่มแรงง่วงตามธรรมชาติ
  2. การควบคุมสิ่งกระตุ้น เช่น เข้านอนเฉพาะเมื่อรู้สึกง่วงจริง และลุกจากเตียงหากนอนไม่หลับ
  3. การปรับความคิดเกี่ยวกับการนอน ลดความคาดหวังหรือความกลัวที่กดดันตัวเองมากเกินไป
  4. การปรับสุขอนามัยการนอน เช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์ แสง และกิจกรรมก่อนนอน
  5. การฝึกผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เพื่อช่วยลดความตื่นตัวก่อนเข้านอน
         ในช่วงแรก บางคนอาจรู้สึกง่วงหรือเหนื่อยมากขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้ การนอนจะเริ่มลึกขึ้น หลับง่ายขึ้น และตื่นกลางดึกลดลงอย่างชัดเจน

CBT-i ได้ผลแค่ไหน เมื่อเทียบกับยานอนหลับ

  งานวิจัยจำนวนมากพบว่า ประมาณ 70–80% ของผู้ป่วยนอนไม่หลับเรื้อรังมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังทำ CBT-i และที่สำคัญคือผลการรักษามักคงอยู่ได้นาน แม้หยุดการบำบัดแล้ว ต่างจากการใช้ยานอนหลับที่อาการมักกลับมาเมื่อหยุดยา

  CBT-i ยังไม่มีความเสี่ยงเรื่องการติดยา อาการง่วงซึมตอนกลางวัน หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ จึงถูกแนะนำให้เป็น การรักษาแนวแรก สำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังในผู้ใหญ่

ใครบ้างที่เหมาะกับ CBT-i

CBT-i เหมาะกับผู้ที่
  • นอนไม่หลับเรื้อรังมานาน
  • ใช้ยานอนหลับแล้วได้ผลไม่ดี หรือไม่ต้องการใช้ยาต่อเนื่อง
  • มีอาการนอนไม่หลับร่วมกับความเครียด วิตกกังวล หรืออารมณ์ซึมเศร้า
  • ต้องการฟื้นการนอนให้กลับมาเป็นธรรมชาติในระยะยาว
  สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง เช่น โรคสมองและระบบประสาท โรคหัวใจ ต้องระมัดระวังหากมีปัญหานอนไม่หลับ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านการนอนหลับ เพื่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้