Snoring Can Affect Your Health: More Than Just a Noise

87 Views  | 

Snoring Can Affect Your Health: More Than Just a Noise

ศาสตราจารย์นายแพทย์ วิชญ์ บรรณหิรัญ
American Board of Sleep Medicine
Certified international sleep specialist

   หลายคนมองว่า การนอนกรน เป็นเพียงเสียงดังขณะหลับ เป็นเรื่องน่ารำคาญของคนข้าง ๆ หรือเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นตามอายุ แต่ในมุมมองของแพทย์ด้านการนอนหลับ การนอนกรนไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพ และสามารถนำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้มากมาย หากไม่ได้รับการประเมินและดูแลอย่างเหมาะสม

   การนอนกรน และ โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea: OSA) เป็นความผิดปกติของทางเดินหายใจส่วนบนที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน โรคอ้วน หรือมีโรคประจำตัวร่วมด้วย

   ในผู้ใหญ่ การนอนกรนดังเป็นประจำ อาจสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพหลายด้าน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน ภาวะง่วงนอนมากในเวลากลางวัน อุบัติเหตุจากการหลับใน รวมถึงปัญหาด้านอารมณ์และคุณภาพชีวิต

  ในเด็ก การนอนกรนไม่ควรถูกมองข้าม เด็กที่นอนกรนเรื้อรังอาจมี พัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาช้ากว่าวัย สมาธิสั้น ซุกซนผิดปกติ ปัสสาวะรดที่นอน หรือมีผลการเรียนแย่ลง ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตและคุณภาพชีวิตในระยะยาว

เพราะเหตุใด “การนอนกรน” จึงก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ


  ขณะนอนหลับ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายรวมถึง กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจจะคลายตัว หากทางเดินหายใจส่วนบนแคบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะจากจมูก คอหอย โคนลิ้น เพดานอ่อน ต่อมทอนซิล หรือโครงสร้างใบหน้า การคลายตัวนี้จะทำให้ช่องทางเดินหายใจตีบแคบมากขึ้น
 
  เมื่อลมหายใจผ่านบริเวณที่แคบลง จะเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อจนเกิดเสียงกรน และในบางรายอาจเกิดการหยุดหายใจหรือหายใจแผ่วซ้ำ ๆ ตลอดคืน ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลงเป็นช่วง ๆ และสมองตื่นตัวขึ้นบ่อยครั้งโดยไม่รู้ตัว

  การที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอร่วมกับการนอนหลับที่ถูกรบกวนซ้ำ ๆ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายระบบในร่างกาย เช่น

  • การกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • การหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ คล้ายภาวะอดนอนเรื้อรัง
  • การอักเสบของหลอดเลือดและอวัยวะต่าง ๆ จากภาวะขาดออกซิเจนเป็นพัก ๆ

    กลไกเหล่านี้เป็นเหตุสำคัญที่อธิบายได้ว่า ทำไมการนอนกรน โดยเฉพาะเมื่อมี โรคหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย จึงมีความสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังหลายชนิด ทั้งทางระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบสมอง ระบบเมตาบอลิก รวมถึงคุณภาพชีวิตและสมรรถภาพในการทำงาน

นอนกรนมากแค่ไหน…จึงไม่ควรมองข้าม

  ไม่ใช่ทุกคนที่นอนกรนจะเป็นโรคร้ายแรง แต่ควรเริ่มให้ความสำคัญและพิจารณาพบแพทย์ หากมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย

  • นอนกรนดังเป็นประจำเกือบทุกคืน
  • มีอาการหายใจสะดุด สำลัก หรือเหมือนหยุดหายใจขณะหลับ
  • ตื่นมาไม่สดชื่น ปวดศีรษะตอนเช้า ง่วงมากในเวลากลางวัน
  • มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคอ้วน
  • เด็กมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง สมาธิสั้น ผลการเรียนแย่ หรือเติบโตช้ากว่าวัย 

   อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่า การนอนกรนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเรื่องเสียง แต่เป็นสัญญาณของโรคที่ควรได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม

  ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า การนอนกรนไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตื่นตระหนก สิ่งสำคัญคือ การรู้เท่าทัน ประเมินให้ถูกต้อง และรักษาอย่างเหมาะสม เพราะการดูแลการนอนหลับที่ดี คือรากฐานสำคัญของสุขภาพที่ดีในระยะยาว

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  and  นโยบายคุกกี้