2. ยากระตุ้นระบบประสาท มีที่ใช้ประโยชน์ในผู้ป่วย OSA ที่ยังมีความง่วงเหลืออยู่มากแม้ว่าจะได้รับการรักษาด้วยทางหลักมาแล้ว โดยที่ตรวจไม่พบสาเหตุจากความผิดปกติทางด้านอื่น ตัวอย่างเช่น ยากลุ่ม amphetamine หรือ modafinil อย่างไรก็ตามยาดังกล่าวอาจพบผลข้างเคียงได้หลายอย่าง จึงควรใช้ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ
3. ยากระตุ้นการหายใจ มีฤทธิ์เพิ่มการหายใจโดยผ่านการกระตุ้นให้เกิดกรดจากการเผาผลาญ เช่น ยา acetazolamide อาจใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคหยุดหายใจบางรายที่มีลักษณะเฉพาะ อย่างไรก็ตามอย่างไรก็ตามยาดังกล่าวอาจพบผลข้างเคียงได้หลายอย่าง จึงควรใช้ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ
4. การใช้อุปกรณ์ช่วยปรับท่านอน (positional therapy) การรักษาวิธีนี้อาจใช้เป็นการรักษาเสริมในผู้ป่วยที่ปฏิเสธการรักษาหลักในผู้ป่วยที่นอนกรนหรือเป็น OSA ชนิดที่สัมพันธ์กับท่านอนหงาย ปัจจุบันมีการพัฒนาอุปกรณ์หลายประเภท อย่างไรก็ตามผลการรักษาระยะยาวยังไม่แน่นอน ผู้ป่วยจึงควรปรึกษาแพทย์และควรได้รับการทดสอบการนอนหลับ (sleep test) ก่อนว่าเป็น OSA ชนิดใดก่อนรักษา ทั้งนี้เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคที่ไม่ถูกต้อง
5. การรักษาด้วยการฝึกกล้ามเนื้อ (myofunctional therapy) หรือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อบริเวณคอหอย (oropharyngeal muscle exercise) มีจุดประสงค์เพื่อ ทำให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบนแข็งแรงและมีคงตัวอยู่ได้ขณะหลับ ลดอาการนอนกรนและ OSA บางรายอาจช่วยให้การหายใจทางจมูกดีขึ้น และนอกจากนี้อาจช่วยทำให้ขากรรไกรล่างและรูปหน้าดีขึ้น วิธีนี้สามารถทำได้หลายแบบทั้งมีอุปกรณ์หรือไม่ใช้อุปกรณ์ร่วมด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการวิจัยรับรองผลในระยะยาว ไม่มีข้อมูลในคนไทย และยังไม่มีรูปแบบได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐาน ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจึงต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและได้รับการทำ sleep test เพื่อความปลอดภัยจากการรักษาโรคที่ไม่ถูกต้อง
6. การรักษาด้วยเครื่องสร้างแรงดันลบในช่องปาก (oral pressure therapy) มีลักษณะเป็นการใส่เครื่องมือในปาก ซึ่งจะมีท่อต่อไปยังเครื่องสร้างแรงดันลบ (แรงดูด) ซึ่งจะช่วยให้ลิ้น เพดานอ่อน และลิ้นไก่ ถูกดึงไปทางด้านหน้าในขณะที่หุบปากขณะนอนหลับ ส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนบนกว้างขึ้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการวิจัยรับรองผลในระยะยาว ไม่มีข้อมูลในคนไทย และอาจมีผลข้างเคียงจากการรักษา ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจึงต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและได้รับการทำ sleep test เพื่อความปลอดภัยจากการรักษาโรคที่ไม่ถูกต้อง
7. การให้ออกซิเจนเสริม (oxygen supplementation) อาจพิจารณาให้อย่างระมัดระวัง เพื่อเป็นการรักษาเสริมในผู้ป่วยที่ใช้ CPAP ในระดับแรงดันที่เพียงพอแล้ว ยังมีออกซิเจนในเลือดต่ำเกินไปน้อย เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคอื่น ๆ อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการแย่ลง ดังนั้นก่อนรักษาด้วยวิธีนี้ผู้ป่วยจึงต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและได้รับการทำ sleep test เพื่อความปลอดภัยจากการรักษาโรคที่ไม่ถูกต้อง
8. การฝังเข็ม (acupuncture) เป็นการรักษาที่อยู่ในกลุ่มการแพทย์ทางเลือกผสมผสาน มีรายงานผลการศึกษาในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังไม่ทราบกลไกรักษาที่แน่ชัด ไม่มีข้อมูลในคนไทย และยังไม่มีรายงานผลวิจัยในระยะยาว
บริการของ PHC clinic
คลินิก PHC มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาการนอนหลับ ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ในการรักษาด้วยยาและทางเลือกอื่นอย่างหลากหลาย พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรักษาดังกล่าวข้างต้น ผู้ป่วยสามารถทำนัดหมายเพื่อพบอาจารย์ที่คลินิกของเราในเบื้องต้นได้ เพื่อตรวจวินิจฉัยและประเมินว่า ผู้ป่วยแต่ละรายเหมาะสมกับการรักษาเหล่านี้หรือไม่ ก่อนพิจารณาให้การรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อไป